22 นโยบายหลักด้านการศึกษา ของนายกยิ่งลักษณ์ 2555-2558

จากการประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 3/2555 มีนโยบายเกี่ยวกับการศึกษาสรุปได้ดังนี้ครับ

1) แท็บเล็ต สำหรับนักเรียน ป.1 และ ม.1 ทุกคน เป็นคอมพิวเตอร์ช่วยในการสอนและการสืบค้นองค์ความรู้

2) เรียนจบ ม.6 ทุกคนภายใน 8 เดือน เรียนในเวลา-นอกเวลา เพื่อก้าวทันโลก

3) กองทุนตั้งตัวได้ เป็นเงินทุนขั้นต้น สำหรับผู้จบปริญญาตรีแล้ว พร้อมเป็นเจ้าของธุรกิจในอนาคต

4) 1 อำเภอ 1 ทุน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กเก่งในทุกอำเภอ ไปเรียนต่อในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว เน้นการสอบแข่งขันให้เด็กเก่งให้มีโอกาส เช่นเดียวกับเด็กยากจน

5) พูดภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาอาเซียน พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เป้าหมาย 80% ของนักเรียนทั่วประเทศ สื่อสารภาษาได้ดี พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ.2558

6) ปรับเลื่อนวิทยฐานะ โยกย้ายครูด้วยความเป็นธรรม เน้นการสอบแข่งขัน วัดความสามารถด้วยตนเอง ลดการคัดเลือกโดยใช้ดุลพินิจ

7) เรียนดีอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่อนุบาลจนจบ ม.6 ฟรีค่าเล่าเรียน ค่าเครื่องแบบ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าหนังสือเรียน และค่ากิจกรรม

8) กระทรวงศึกษาธิการใสสะอาด สร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ปราศจากทุจริตและคอรัปชัน (หมายเหตุ :”ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี” สะกด “คอรัปชัน” ตามที่ได้เคยสอบถามไปยังราชบัณฑิตยสถานแล้ว)

9) อัจฉริยะสร้างได้ ส่งเสริมให้เด็กเก่ง เด็กฉลาดทุคน เตรียมความพร้อมเป็นผู้นำประเทศในทุกสาขา

10) สร้างพลังครู แก้ไขปัญหาหนี้สินครู ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ (นายกรัฐมนตรีได้ฝากประเด็นให้ตระหนักถึงจิตวิญญาณ ทักษะ และความรู้ การเรียนรู้ ของครู)

11) เลิกหลักสูตรท่องจำ ให้จัดการเรียนรู้ด้านความเข้าใจ ใช้ปัญญา และให้นักเรียนได้มีจินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

12) Internet ตำบล และหมู่บ้าน เพื่อให้ผู้เรียนได้ค้นหาความถนัดของตนเอง เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา

13) คูปองสร้างเสริมอัจฉริยะ จัดให้มีคูปองแลกหนังสือ ให้โอกาสเด็กและเยาวชนเลือกหนังสือตามความพอใจ

14) สร้างผู้นำแห่งอาเซียน (Becoming ASEAN Leader Scholarship) ให้ทุนปริญญาโทแก่นักศึกษาอาเซียนมาเรียนในไทย เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นผู้นำแห่งอนาคตในภูมิภาคอาเซียน

15) ทุนการศึกษาเพื่ออนาคต (กรอ.) ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษา ทุกระดับ ทุกสาขา เพื่อให้มีโอกาสเรียนต่อ เพิ่มพูนความรู้ และความก้าวหน้าในอนาคต

16) ครูมืออาชีพ ให้ทุกสาขาวิชาเข้ามาเป็นครู โดยเฉพาะในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของประเทศ ให้เรียนจบแล้วมีงานทำ มั่นคงในชีวิต

17) โรงเรียนร่วมพัฒนา รวมพลังครู นักเรียน ทุกตำบลเพื่อความแข็งแกร่งทางวิชาการ จัดระบบโรงเรียนขนาดเล็ก จัดระบบการสนับสนุนความปลอดภัยในโรงเรียน

18) การศึกษาช่วยดับไฟใต้ ส่งเสริมการเรียนการสอน ภาษาไทย/ศาสนา ให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด เด็กไร้สัญชาติ เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และผู้นำองค์กรในระดับพื้นที่

19) เทียบโอนประสบการณ์สายอาชีพ จบ ปวช.ได้ใน ๘ เดือน เทียบโอนหลักสูตรการเรียน/อาชีพ เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ

20) Fix-it Center ศูนย์ซ่อมสร้างประจำชุมชน เพื่อฝึกฝนทักษะอาชีพให้นักเรียนอาชีวศึกษาและให้บริการประชาชน

21) พัฒนาศูนย์ฝึกอาชีพในสถานศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชน โดยการจัดการศึกษาแบบทวิภาคี เพิ่มพูนประสบการณ์อาชีพให้นักเรียนอาชีวศึกษา

22) จัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาเพื่อความเป็นเลิศในการเรียนสายอาชีพ จัดให้มีปริญญาตรีสายปฏิบัติการ เติมเต็มความรู้คู่ความเชี่ยวชาญในอาชีพ

ที่มา : http://www.moe.go.th/websm/2012/apr/116.html

Related Posts

อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง

ชวนคิด…วันนี้ เสนอตอน: อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง . ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI ช่วยงานเยอะครับ เพราะมันช่วยเบาแรงและลดภาระเราได้จริง ๆ นะ แต่บางเรื่องในบริบทของหน้าที่ครู ผมก็เห็นว่าผลงานบางอย่างครูเป็นผู้เขียนขึ้นมาเองจากกระบวนการคิดการไตร่ตรอง ประสบการณ์ที่สะสมมา จะเป็นประโยชน์และมีคุณค่าสำหรับนักเรียนมากกว่าที่จะให้ AI สร้างงานนั้นให้เรา . รวมไปถึงการมองว่า AI จะทำให้เราสบาย จนละทิ้งแก่นสำคัญของการได้มาซึ่งงานที่มีคุณภาพตามบริบท สภาพแวดล้อม หรือความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนของเราครับ . จากภาพนี้ผมชวนคิดว่า…

บันทึกความทรงจำ: ผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิตของผมเอง

​เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.20 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสะกาย ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 326 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร ผลกระทบในประเทศไทย กรุงเทพมหานคร: อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในย่านจตุจักร ซึ่งมีความสูง 33…

เชียร์ลีดเดอร์ครั้งแรกของอันนา ป.3

วันที่ 25 ธ.ค. 2567 วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่สีสองครึ่งเกือบตีสาม รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน เพราะอันนามีนัดกับคุณครูไว้เพื่อที่จะแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว กับการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ปีแรกของอันนา ซึ่งอันนามีความตั้งใจที่จะเป็นมาตั้งแต่ ป.1 แล้วครับ แต่ก็ยังไม่ผ่านการคัดเลือก ปีนี้มีโอกาสได้เป็นแล้ว อันนาดีใจมากๆ นอนแทบไม่หลับเลย แต่ก็พยายามนอนและตื่นมาตอนตีสองครึ่งด้วยความตื่นเต้นมาก ๆ ครับ เรามาถึงโรงเรียนเกือบตีสี่ ซึ่งก็มีเพื่อน ๆ มาแต่งหน้ากันบ้างแล้ว มีผู้ปกครองมานั่งเฝ้ากันพอสมควร พ่อโจ๊กกับแม่ฝนส่งอันนาที่ห้องแต่งตัวก็ลงมารอที่ชั้นล่างของโรงเรียน ซึ่งก็คือโรงอาหารครับ…

น้องอันนา…พาย่าไหว้พระวัดมณีวงศ์ จ.นครนายก

ทริปนี้พ่อโจ๊ก แม่ฝน และน้องอันนา พาคุณย่าไปเที่ยว ไหว้พระ จังหวัดนครนายกครับ เรามากันที่วัดมณีวงศ์ ซึ่งเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับพญานาคที่สวยงาม และที่นี่มีวังพญานาคที่ใหญ่โตมากๆ และสวยงามมาก ๆ ครับ https://photos.app.goo.gl/MG1caHfshfPVQBKQ6

เดินเที่ยวงานประดับไฟอยุธยา 4 วัด 1 วัง (16 พ.ย. 2567)

หลังที่พ่อโจ๊ก แม่ฝน พาน้องอันนามาไหว้พระ 9 วัด ครบถ้วนแล้ว เป้าหมายอีกข้อหนึ่งที่เรามาอยุธยาในวันนี้ก็คือการพาน้องอันนามาใส่ชุดไทยและถ่ายรูปในงานประดับไฟ 4 วัด 1 วัง ของจังหวัดอยุธยาครับ ซึ่งพ่อโจ๊ก แม่ฝน พาน้องอันนาใส่ชุดไทย มาเที่ยงงานประดับไฟในวัดและเมืองเก่าอยุธยา เรามากันวันที่ 16 พ.ย. คนไม่เยอะ ไม่แออัดมาก เดินสบาย ๆ แต่ว่าอากาศร้อนไปนิดนึง ถ้าอากาศเย็น ๆ น่าจะดีมากๆ…

ไหว้พระ 9 วัด ปี 67 EP9 วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ในที่สุดการเดินทางไหว้พระ 9 วัด ของน้องอันนา พ่อโจ๊ก และแม่ฝน ก็เดินทางมาถึงวัดที่ 9 แล้ว แต่อย่างที่บอกไว้ในตอนก่อนหน้านี้ว่าวัดที่ 8 ที่เรามาถึงคือวิหารพระมงคลบพิตร เรามาถึงหลัง 5 โมงเย็น ซึ่งวัดทุกที่ได้ปิดทำการ ปิดวิหารไปหมดแล้ว คราวนี้เราจะทำอย่างไรดีล่ะให้ไหว้พระครบ 9  วัดตามความตั้งใจ พ่อโจ๊กกับแม่ฝนก็เลยพาน้องอันนาไปวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นวัดที่ไม่พระ ไม่มีวิหาร เพราะเห็นวัดที่เป็นโบราณสถานครับ เรามาไว้พระที่นี่เพื่อให้การไหว้พระ 9 วัดของเราประสบความสำเร็จ…

This Post Has 13 Comments

  1. น่าจะมีนโยบายเรื่องผลการตัดเกรดในระดับประถม มัธยมใหม่ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาจริงๆทั้ง2ด้าน คือคุณลักษณะ และคุณภาพความรู้เพื่อแข่งขันระดับอาเซี่ยนหรือสากลได้ ….ควรตัดสิน 2 ภาค คือ ภาค ก ด้านคุณลักษณะ ให้โรงเรียนดำเนินการวัดตัวเด็ก และตัดเกรดออกมา ไม่ผ่านก็ซ่องเสริม ภาค ข วัดความรู้วิชาการล้วนๆ ไม่ต้องเอา คะแนนคุณลักษณะ กระบวนการ มารวมในคะแนนการตัดเกรดรายวิชา (อย่างที่เป็นทุกวันนี้ เกรดจึงดี แต่คุณภาพต่ำ) และหากเป็นไปได้ จบ ป.3 ม.3 ม. 6 ใช้ข้อสอบจากส่วนกลาง ล้วนๆ … อย่างนี้แหละคุณภาพจะดี… ผู้บริหารไม่บีบครูเอาเกรด เพื่อผ่าน สมศ …ผู้ปกครองก็ไม่สามารถบีบโรงเรียน/ครูเอาเกรดเพราะอยากให้ลูกได้เกรดดีๆ .ไว้เอาโควต้า……..ฮาเช่นนี้การศึกษาไทย จึงต่ำลงๆ และแนวโน้มต่ำลงเรื่อยๆ เพราะโรงเรียนธรรมดาๆ มากกว่าโรงเรียนยอดนิยม มหาศาล… ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการวัดผลอิงมาตรฐาน หรืออิงเทวดาอะไร ก็แก้ไม่ได้ ตราบใด ไม่แยกการวัด 2 ส่วนออกจากกัน

  2. นโยบายข้อที่ 11 ให้เลิกการท่องจำ ในความคิดไม่ควรนำมาเป็นนโยบายเนื่องจาก การท่องจำเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ทุกวิชา นักเรียนตั้งแต่อนุบาลจะอ่านหนังสือออกก็ต้องท่อง ก-ฮ ได้ก่อน นักเรียนประถมจะอ่านภาษาต่างประเทศได้ก็ต้องท่อง A-Z ได้ก่อน จะเรียนวิชาอะไรก็ตามถ้าอ่านไม่ได้ก็จบกันเลย ฉะนั้นอย่ามองข้ามการท่องจำซึ่งคิดว่าต้องอยู่คู่กับเด็กไทย

  3. สำเร็จไรมั่งแล้วนโยบายอ่ะ

Leave a Reply to Bankza KeasZeed Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.