พาอันนาเที่ยวตลาดน้ำคลองลัดมะยม (ตลาดน้ำครั้งแรกของอันนา)

วันหยุดพิเศษ วันที่ 14 ส.ค. 2566 วันนี้คุณแม่อันนาบอกว่าขอไปเที่ยวตลาดน้ำหน่อย อยากไปซื้อของกิน และไม่ได้ไปนานแล้ว เพราะตั้งแต่ท้องอันนา และอันนาเกิดมาถึงปัจจุบัน พ่อโจ๊กก็ไม่เคยพาคุณแม่และอันนาไปตลาดน้ำเลย เพราะว่ากลัวว่าไม่ปลอดภัยสำหรับอันนาครับ

ตลาดน้ำที่เคยไปบ่อยมากช่วงก่อนที่คุณแม่ฝนจะท้องอันนาก็คือตลาดน้ำอัมพวานั่นเอง และก็จำได้เลยว่าทางเดินค่อนข้างอันตรายหน่อย บางจุดไม่มีรั้วกั้นก็เลยไม่อยากไปครับ

One day trip พาอันนาเที่ยวฟาร์มโชคชัย ขับรถขึ้นเขาใหญ่

วันหยุดยาวที่ผ่านมา (28-2 ส.ค. 66) พ่อติดงานต่างจังหวัดหลายวันเลย ในช่วงหยุดยาวนี้ก็เลยไม่ได้พาอันนาไปเที่ยวไหน แต่หลังจากกลับจากทำงานวันที่ 1 ส.ค. ก็ยังมีวันหยุดอีกหนึ่งวันที่จะพาอันนาไปเที่ยวครับ ก็คือวันที่ 2 ส.ค.

พ่อกับแม่ถามอันนาว่าอยากไปทะเลหรือภูเขา อันนาบอกว่าอยากไปภูเขา เราก็เลยคิดกันว่าจะไปภูเขาที่ไหนดี อันนาอยากเห็นเมฆอยากเห็นหมอกด้วย สรุปก็คือถ้าเดินทางวันเดียว และทำกิจกรรมสนุกๆ ด้วย เราจะไปเขาใหญ่กัน และเราจะแวะทำกิจกรรมสนุก ๆ ที่ฟาร์มโชคชัยกันครับ

ใครเป็นนายก ก็ต้องทำมาหากิน เหมือนเดิม

ช่วงการเมืองร้อนแรงในวันนี้ (19/07/2566) เลื่อนฟีดไปเจอข้อความนี้ อยากจะขอเก็บเอาไว้ ผมว่ามีส่วนจริงทุกข้อ และมีอีกหลายข้อเลยที่มีส่วน อาจจะเรียกได้ว่า ทุกระบบในประเทศก็ว่าได้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการด้านการเมืองการปกครอง ถ้าอยู่บนครรลองที่ดี ผมว่าประเทศนั้น ๆ ไปได้ไกลกว่าเดิมแน่นอนครับ

บทความที่ว่า ก็มีดังนี้เลย

ใครเป็นนายก ก็ต้องทำมาหากิน เหมือนเดิม
ผิด ตั้งสติก่อน
• ถ้าการเมืองดี ค่าไฟ ค่า Ft ค่าน้ำมัน คุณจะไม่เป็นแบบนี้

ศาลรัฐธรรมนูญสั่งพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ และสภาโหวตห้ามเสนอชื่อพิธารอบสอง

เป็นการเมืองไทยอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบันทึกไว้ในบล็อกครับ เพราะถือได้ว่าเป็นเหตุการสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศอีกเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ เพราะพรรคอันดับหนึ่งอย่างก้าวไกล ที่นำโดยพิธา ไม่ได้รับการโหวตให้เป็นนายกในรอบแรก (วันที่ 13 ก.ค. 66) ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ก็คือ สว. ที่ไม่โหวตให้นั่นเอง รวมทั้งพรรคฝ่ายตรงข้าม

RIP เรือดำน้ำนำนักท่องเที่ยวชมไททานิคที่ชื่อว่า Titan

วันนี้ได้ข้อสรุปแล้วครับว่าเกิดเหตุอะไรกับเรือดำน้ำนำนักท่องเที่ยว 4 คน รวมผู้บังคับเรืออีก 1 คน เป็น 5 คน ลงไปเที่ยวชมเรือไททานิคที่จมลึกอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเกือบ 4 กิโลเมตร

MOU ก้าวไกล ไม่มีการเมืองไทยยุคไหนที่จะทำแบบนี้มาก่อน

เป็นอีกบทบาทหนึ่งของสังคมการเมืองไทย ที่มีแกนนำพรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลมาจัดทำ MOU ร่วมกัน ตกลงกันเพื่อที่จะทำงานให้ประเทศชาติ แน่นอนครับการเช็นต์อะไรลงไปใน MOU นั้นต้องเป็นการผูกมันและให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานตามที่ระบุไว้ในนั้น และทุกพรรคก็หารือร่วมกันจนได้ร่าง MOU ที่สมบูรณ์

สิ่งที่ต้องบันทึกไว้ในครั้งนี้ เพื่อเป็นเอาไว้เป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็คือรายละเอียด MOU ครับ ซึ่งขออนุญาตนำมาโพสไว้ดังนี้

การทำงานของนักการเมืองรุ่นใหม่ (แตกต่างไปจากเดิมมากจริง ๆ)

หากเราผ่านการเลือกตั้งมามากกว่า 3 – 4 ครั้ง เราจะพบว่า เมื่อมีพรรคการเมืองใดเป็นฝ่ายชนะ ก็จะเริ่มหาพรรคพวก ในกรณีที่เสียง สส. ยังไม่เพียงพอ หรือกว่าจะได้รับการรับรอง ก็นานเป็นเดือน แล้วจึงจะเริ่มทำงานตามนโยบายที่หาไว้กันใช่ไหมครับ

แต่ในยุคนี้ (พ.ศ. 2566) การเลือกตั้ง 2566 แปลกไปจากครั้งก่อน ๆ เพราะสื่อสังคมออนไลน์เติมโตมาก นักการเมืองในพรรคที่ได้ สส. เยอะ ก็เป็นคนรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่ (พรรคก้าวไกล) จึงเริ่มสื่อสารกับประชาชน เริ่มวางแผน และบางส่วนก็เริ่มทำงานกันแล้ว โดยที่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก กกต. เลย 

เลือกตั้ง 2566

การเลือกตั้ง สส. และนายกประเทศไทย ณ เวลานี้ก็รู้ผลคร่าว ๆ เป็นที่แน่นอนแล้วครับ หลังจากที่มีการจัดการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 2566 

การเลือกตั้งในทุก ๆ ครั้งก็จะมีสถิติที่รายงานบนหน้าจอทีวีและสื่อออนไลน์ให้เห็นกันปกติ แต่ครั้งนี้หลาย ๆ สำนักทำดีมาก ทำเป็น data visualization ได้เห็นภาพชัดเจนจริงๆ

One day trip: ทำบุญที่วัดธัญญผล ไปบางแสน และสะพานชลมารควิถี

วันที่ 7 พ.ค. 2566 วันนี้ตกลงกับคุณแม่ของอันนาไว้ว่าจะพาไปทานข้าวที่ชลบุรี และก็เลือกร้านไว้แล้วเรียบร้อยครับ เป็นร้านแถวๆ สะพานชลมารควิถี ชื่อร้านว่า “เพลินทะเล”

เริ่มต้นตอนเช้าหลังจากเก็บกวาดบ้าน ทำความสะอาดเรียบร้อยตามหน้าที่ เราก็ออกเดินทางกันเลย

การเริ่มเก็บเงินก้อนใหญ่ของอันนา ตอนอายุ 7 ขวบ

อันนาเริ่มต้นจริงจังกับการเก็บเงินให้ได้ 35,000 ด้วยการทำบัญชีเงินเก็บ

จากเดิมที่ให้ค่าขนมอันนาสัปดาห์ละ 400 และหากต้องการของอะไรพิเศษก็ใช้เงินค่าขนมซื้อ ในทุกๆสัปดาห์อันนาก็จะซื้อของที่อยากได้ แต่ก็ไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์ได้จริง เช่น กระเป๋า ขวดน้ำ ตุ๊กตา ทำให้ไม่ค่อยเหลือเงินเก็บ

ในระยะหลังนี้อันนาเริ่มอยากได้ของที่แพงมากขึ้น พ่อจึงได้โอกาสเริ่มสอนอันนาเรื่ิองการเก็บเงิน การใช้เงินอย่างคุ้มค่า และการหักห้ามใจไม่ซื้อของที่ไม่ได้ใช้จริง เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อสิ่งที่ใหญ่และสำคัญกว่า

หลายๆ ครั้งที่เขายืนพิจารณาตุ๊กตา ขวดน้ำ กระเป๋า ที่ร้านค้า ซึ่งเป็นสิ่งของที่ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ อันนาเริ่มที่จะคิดว่าถ้าซื้อสิ่งนั้นก็จะไม่มีเงินเก็บเพื่อซื้อสิ่งของชิ้นใหญ่ที่ตัวเองต้องการ

มันยากเหมือนกันนะ กับการห้ามใจตัวเอง กับการฝืนใจที่จะไม่ซื้อของตรงหน้าเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า แต่อันนาก็เริ่มทำได้แล้ว

ค่าขนมที่ให้ไป รร ก็เริ่มใช้แบบคุ้มค่ามากขึ้น เพื่อให้ให้มีเงินเก็บเยอะๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์อันนาก็จะขวนขวายนับเงินและเริ่มบันทึกลงสมุดไว้

ตอนนี้ก็ได้เยอะพอสมควรแล้ว ขาดอีก 3 หมื่นเองนะอันนา สู้ๆ