[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 27 ก.ค. 68 ศึกตาควาย: ทรัมป์ไกล่เกลี่ย ไทย-กัมพูชาปะทะเดือดอีกครั้ง

การสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (27 ก.ค. 2568)

ภาพรวมเหตุการณ์

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ นับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทย รวมถึงการโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวา

จุดยืนและการตอบสนองของไทย

ไทยยืนยันจุดยืนในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจาทวิภาคี และพร้อมหารือเพื่อกำหนดมาตรการหยุดยิงที่ชัดเจนและยั่งยืน หากกัมพูชาแสดงความจริงใจ อย่างไรก็ตาม การโจมตีต่อเนื่องของกัมพูชาสะท้อนการขาดความจริงใจและไม่สอดคล้องระหว่างคำพูดกับการกระทำ

  • สิทธิในการป้องกันตนเอง: ไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และได้ดำเนินการตอบโต้ในลักษณะที่จำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อขจัดภัยคุกคามต่ออธิปไตย
  • การประณามและการเรียกร้อง:ไทยประณามการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดโจมตีเป้าหมายพลเรือนทันที
  • เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของกัมพูชา
  • การสื่อสารกับนานาชาติ:รักษาการนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชชยชัย ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อคืนวันที่ 26 ก.ค. 2568 โดยทรัมป์เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง มิฉะนั้นจะงดเว้นการเจรจาลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาได้รับข้อเสนอ แต่สถานการณ์ยังคงไม่สงบ
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหนังสือถึง UNICEF และ OHCHR เพื่อแจ้งกรณีการโจมตีที่เริ่มโดยกัมพูชาตั้งแต่ 24 ก.ค. 2568 ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก การอพยพส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงเด็กและผู้ป่วย
  • มีการประชุม UNSC แบบปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยไทยได้ย้ำจุดยืนพร้อมหลักฐานว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี UNC เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายลดความตึงเครียดและแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี สนับสนุนบทบาทอาเซียน และระบุว่าสถานการณ์นี้ไม่เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศที่สำคัญ
  • กระทรวงการต่างประเทศจะส่งหนังสือประท้วงถึง ICRC และจะพบกับสำนักงาน ICRC ในประเทศไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

การกระทำของกัมพูชา

  • การโจมตีพลเรือน: กองกำลังกัมพูชาได้โจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทยอย่างไม่เลือกเป้าหมายตั้งแต่เวลาประมาณ 02:00 น. ของวันที่ 27 ก.ค. 2568 ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ โดยเฉพาะการโจมตีเป้าหมายพลเรือน
  • มีการยิงจรวด BM21 ตกในบริเวณบ้านตาโส ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายพลเรือน ทำให้บ้านเรือนเสียหาย
  • เมื่อ 26 ก.ค. 2568 กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาพุ่งเป้าใส่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีสะเกษ และโรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
  • มีการตั้งฐานยิงในบริเวณโรงเรียน วัด และบ้านเรือนของประชาชนกัมพูชาเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้จากฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการใช้ “โล่มนุษย์” (human shield) อย่างชัดเจน
  • มีการโจมตีใส่โรงพยาบาลสนามของฝ่ายไทยและสถานพยาบาลอื่น ๆ
  • การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ: การกระทำของกัมพูชาไม่เพียงละเมิดอธิปไตยของไทย แต่ยังละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา (เช่น ข้อ 19 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และข้อ 18 ของฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการคุ้มครองสถานพยาบาล) และอนุสัญญาออตตาวา (จากการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล)
  • การบิดเบือนข้อมูล: กัมพูชายังคงเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข่าวเท็จอย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และอ้างว่ากองทัพไทยสร้างความเสียหายให้ปราสาทพระวิหาร ซึ่งไทยยืนยันว่าเป็นข้อกล่าวหาไร้หลักฐานและเป็นข้อมูลปลอมแปลง เนื่องจากพื้นที่ปะทะห่างจากปราสาทพระวิหารถึง 2 กิโลเมตร
  • การใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง: นอกจากการใช้สถานที่พลเรือนเป็นโล่กำบังแล้ว ยังมีเจตนาใช้โบราณสถาน เช่น ปราสาทตาควาย เป็นโล่กำบังเพื่อโจมตีฝ่ายไทย
  • การเสริมกำลังและการยุยงปลุกปั่น: กัมพูชามีการเสริมกำลังทหารและเตรียมที่มั่นตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง มีการปลุกระดมมวลชนกัมพูชาทั้งในและต่างประเทศให้เข้าสู่พื้นที่ความตึงเครียด โดยใช้กระแสชาตินิยม หวังยกระดับความขัดแย้งระหว่างประชาชนของสองประเทศ

ผลกระทบและสถานการณ์ภาคพื้นดิน

  • ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ: มีพลเรือนเสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บสาหัส 11 ราย บาดเจ็บปานกลาง 12 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย รวมยอดทั้งหมด 49 ราย (ข้อมูล ณ 09:00 น. วันที่ 27 ก.ค. 2568)
  • การอพยพ: ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัย ส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย และการปิดโรงเรียนสร้างความเสียหายระยะยาวต่อเด็ก ศูนย์พักพิงเต็มและขาดแคลนสิ่งของจำเป็น เช่น ยา นมผง ผ้าอ้อม เสื้อผ้า ผ้าห่ม
  • ความรุนแรงต่อเนื่อง: แม้จะมีการเรียกร้องให้หยุดยิง แต่สถานการณ์ภาคพื้นดินยังคงตึงเครียด โดยกัมพูชายังคงส่งกำลังทหารเข้าปะทะและใช้ยุทโธปกรณ์หนัก เช่น จรวด BM21 และคาดว่าจะมีการใช้ PHL03, RM70 ซึ่งมีพิสัยไกล
  • การตอบโต้ของไทย: กองทัพไทยได้มีการตอบโต้การโจมตีของกัมพูชา โดยกองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F16 และ Grippen รวม 11 ลำ โจมตีพื้นที่ยุทธศาสตร์ฐานทหารกัมพูชาบริเวณปราสาทตาเมืองและปราสาทตาควาย ในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และสามารถทำลายเป้าหมายได้สำเร็จ

ข้อเสนอแนะและความกังวล

  • เงื่อนไขการหยุดยิง: ฝ่ายไทยยืนยันว่าการหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาแสดงความจริงใจและเข้าร่วมหารือในรายละเอียด โดยเฉพาะการหยุดโจมตีเป้าหมายพลเรือน
  • ปัจจัยภายนอก: การแทรกแซงจากประเทศที่สาม เช่น สหรัฐฯ และมาเลเซีย (ในฐานะประธานอาเซียน) เพื่อเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย เป็นความพยายามที่สำคัญ แต่ยังไม่สามารถยุติการโจมตีได้ทันที
  • ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: มีความกังวลว่ามาตรการภาษีกับสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันให้ไทยพิจารณาหาทางยุติการเจรจาโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แม้ว่าเรื่องอธิปไตยจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
  • การรับมือประชาชน: ขอให้ประชาชนไทยหลีกเลี่ยงการแสดงความรุนแรงด้วยวาจาหรือการกระทำต่อชาวกัมพูชาที่พำนักหรือทำงานในไทยอย่างสุจริต และควรใช้สติเหตุผลในการรับมือสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนในสื่อสังคมออนไลน์

บทวิเคราะห์เปรียบเทียบกับอดีต (อ. ดุลยภาค ปรีชารัตน์)

  • ความเหมือน: มีการยิงจรวด BM21 ใส่เป้าหมายพลเรือนเหมือนปี 2554 แต่ครั้งนี้มีการสูญเสียพลเรือนไทยมากกว่า
  • ความต่าง:ไทยนำเครื่องบินรบ F16 และ Grippen เข้ามาใช้ ซึ่งชัดเจนกว่าปี 2554
  • พื้นที่การสู้รบขยายวงกว้างขึ้นมาก จากเดิมจำกัดอยู่แค่เขาพระวิหารและภูมะเขือในปี 2554 ปัจจุบันขยายเป็นแนวยาว ทั้งกลุ่มปราสาทตาเมือง ช่องบก สามเหลี่ยมมรกต และลงไปถึงจังหวัดสระแก้วและตราด ทำให้พื้นที่เสี่ยงครอบคลุมตลอดแนวชายแดน 798 กม.
  • จุดจบของความขัดแย้ง: การเจรจาสันติภาพอาจเกิดขึ้นได้เมื่อกัมพูชาสูญเสียกำลังรบมากเกินทนทาน และนานาชาติไม่สนับสนุนกัมพูชามากนัก ซึ่งจะบีบให้กัมพูชาต้องเข้าสู่การเจรจา การบริหารจัดการความขัดแย้งในพื้นที่อาจยังคงต้องใช้กรอบปฏิบัติเดิม เช่น MOU 2543

การแถลงข่าวย้ำว่าไทยกำลังดำเนินการ “ปฏิบัติการป้องกันตนเองเพื่อสันติภาพ” (Self-Defense Operation for Peace) โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการรุกราน ทำลายศักยภาพทางทหารของกัมพูชา และปราบปรามพฤติกรรมการใช้กำลังทำร้ายพลเรือน เพื่อนำไปสู่การหยุดยิงและสันติภาพในที่สุด

Related Posts

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 26 ก.ค. 68 ตราดพิฆาตไพรี 1 ถล่มกัมพูชา

26 กรกฎาคม 2568 (วันที่สามของการปะทะ) 02:00 น. – เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของฮุนเซน ลงจอดที่สิงคโปร์ (หลังจากบินไปอินโดนีเซีย) 05:00 น. – (ตามที่พระศักดา สุนทโร และแม่ค้าหมูปิ้งรายงาน) ได้ยินเสียงปืนใหญ่และระเบิดดังขึ้น แสงไฟวาบจากภูเขาบรรทัด ชาวบ้านเห็นแสงไฟหลายลูกลอยอยู่กลางอากาศ 05:10 น. – กองทัพเรือเปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ตอบโต้การโจมตีของทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก จังหวัดตราด…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 25 ก.ค. 68 การปะทะที่รุนแรง และ ความพยายามของกัมพูชาในการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์

ลำดับเหตุการณ์ 25 กรกฎาคม:04:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มทหารไทยอย่างดุเดือดตามแนวรบปราสาทพระวิหารฝั่งศรีสะเกษ ไทยยิงโต้ตอบ. 04:50 น.: รถถังกัมพูชา 6 คัน จอดเรียงหน้ากระดานฝั่งตรงข้ามช่องบก. 04:54 น.: ทหารทั้งสองฝ่ายประจำแนวรบด้านปราสาทพระวิหาร. 05:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงจากพื้นที่สุรูปากกล้วย ไทยใช้รถถังเบา Scorpion ยิงสนับสนุนบริเวณด้านข้างปราสาทตาเมือง. 05:00 น. เศษ (เกือบ 06:00 น.):…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 24 ก.ค. 68 เมื่อกัมพูชาเริ่มยิงเข้ามาในไทย และสร้างความสูญเสียให้กับเด็กและชาวบ้าน

ลำดับเหตุการณ์ วันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุทุ่นระเบิดครั้งแรก: ทหารไทย 3 นายเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี มี 1 นายบาดเจ็บสาหัส กระทรวงการต่างประเทศประท้วงกัมพูชา: รัฐบาลไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชาโดยตรง และประท้วงต่อญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาครั้งที่ 22 วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2568 16:55 น. เหตุทุ่นระเบิดครั้งที่สอง: กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 14 ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน…

อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง

ชวนคิด…วันนี้ เสนอตอน: อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง . ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI ช่วยงานเยอะครับ เพราะมันช่วยเบาแรงและลดภาระเราได้จริง ๆ นะ แต่บางเรื่องในบริบทของหน้าที่ครู ผมก็เห็นว่าผลงานบางอย่างครูเป็นผู้เขียนขึ้นมาเองจากกระบวนการคิดการไตร่ตรอง ประสบการณ์ที่สะสมมา จะเป็นประโยชน์และมีคุณค่าสำหรับนักเรียนมากกว่าที่จะให้ AI สร้างงานนั้นให้เรา . รวมไปถึงการมองว่า AI จะทำให้เราสบาย จนละทิ้งแก่นสำคัญของการได้มาซึ่งงานที่มีคุณภาพตามบริบท สภาพแวดล้อม หรือความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนของเราครับ . จากภาพนี้ผมชวนคิดว่า…

บันทึกความทรงจำ: ผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิตของผมเอง

​เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.20 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสะกาย ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 326 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร ผลกระทบในประเทศไทย กรุงเทพมหานคร: อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในย่านจตุจักร ซึ่งมีความสูง 33…

เชียร์ลีดเดอร์ครั้งแรกของอันนา ป.3

วันที่ 25 ธ.ค. 2567 วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่สีสองครึ่งเกือบตีสาม รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน เพราะอันนามีนัดกับคุณครูไว้เพื่อที่จะแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว กับการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ปีแรกของอันนา ซึ่งอันนามีความตั้งใจที่จะเป็นมาตั้งแต่ ป.1 แล้วครับ แต่ก็ยังไม่ผ่านการคัดเลือก ปีนี้มีโอกาสได้เป็นแล้ว อันนาดีใจมากๆ นอนแทบไม่หลับเลย แต่ก็พยายามนอนและตื่นมาตอนตีสองครึ่งด้วยความตื่นเต้นมาก ๆ ครับ เรามาถึงโรงเรียนเกือบตีสี่ ซึ่งก็มีเพื่อน ๆ มาแต่งหน้ากันบ้างแล้ว มีผู้ปกครองมานั่งเฝ้ากันพอสมควร พ่อโจ๊กกับแม่ฝนส่งอันนาที่ห้องแต่งตัวก็ลงมารอที่ชั้นล่างของโรงเรียน ซึ่งก็คือโรงอาหารครับ…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.