สร้างรากฐาน “เศรษฐี” ตั้งแต่วัยรุ่น ลูกคุณก็เป็นได้

หากเด็กๆ มีเงินหนึ่งก้อน อาจจะตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 100,000 บาท จะนำเงินก้อนนี้ไปทำอะไร” คำตอบของเด็กๆ คือการนำเงินนั้นไปซื้อโทรศัพท์หรือเปล่าครับ? หรือนำเงินไปซื้อรถมอเตอร์ไซต์สักหนึ่งคันเพื่อขับไปโรงเรียน? หรือนำเงินนั้นไปซื้อเกมหรือเล่นเกมดีล่ะ? หรือจะนำเงินนั้นไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไปสักครั้ง? หรือจะนำเงินก้อนนี้หรือแบ่งเงินก้อนนี้มาเก็บออมหรือลงทุนเพื่อให้เงินนั้นงอกเงย?

หากคำตอบหรือความคิดของเด็กๆ เป็นการนำเงินก้อนนี้มาเก็บออมหรือลงทุนล่ะก็ แสดงว่าเด็กๆ กำลังเริ่มต้นที่จะเป็นเถ้าแก่น้อยหรือผู้ที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้วล่ะครับ ซึ่งหากเริ่มต้นได้อย่างถูกต้อง มีการวางแผนทางการเงินที่ดี ที่จะทำให้เงินลงทุนนั้นปลอดภัยและงอกเงยด้วยแล้ว สิ่งที่เด็กๆ ต้องการและจำเป็นในอนาคตที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ เช่น บ้านสักหนึ่งหลัง รถยนต์สักหนึ่งคัน ก็คงจะหามาโดยไม่ยากเย็นมากนัก เพราะเด็กๆ สามารถเริ่มต้นเก็บออมและลงทุนได้เร็วว่าคนอื่นนั่นเองครับ

แล้วเราจะวางแผนการเงินให้เงินเก็บหรือเงินลงทุนของเรางอกเงยอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?

ปัจจุบันมีเครื่องมือช่วยงานแผนทางการเงินหลายเครื่องมือครับ แต่เครื่องมือที่อยากจะแนะนำให้ใช้ เพราะใช้งานง่าย และเข้าใจได้ง่าย คือเครื่องมือช่วยงานแผนทางการเงินของเว็บไซต์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาครับ (http://www.krungsri.com/) ซึ่งวันนี้จะขอแนะนำเครื่องมือที่ช่วยในการคำนวณการวางแผนการลงทุนตามช่วงวัย โดยมีวิธีการดังนี้ครับ

  1. เข้าเว็บไซต์ www.krungsri.com
  2. ไปที่เมนู “วางแผนการเงิน” หรือเมนู “Plan your money” ที่ด้านบนก็ได้ครับ

5803-01

จะเข้าสู่หน้าเว็บไซต์วางแผนทางการเงิน ซึ่งเด็กๆ สามารถศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน การออม และการลงทุนจากหัวข้อต่างๆ ได้ตามต้องการครับ แต่สำหรับในวันนี้เราจะไปลองใช้เมนู “จัดพอร์ตตามช่วงวัย” เพื่อดูซิว่าในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นนั้นควรจะเก็บออมอย่างไรและลงทุนอะไรดี

  1. ไปที่เครื่องมือคำนวณ เลือก “จัดพอร์ตตามช่วงวัย”
  2. 5803-02กรอกชื่อ นามสกุล ช่วงอายุ และจำนวนเงินลงทุน จากนั้นคลิกปุ่ม “เริ่มคำนวณ” ครับ
  3. 5803-03ระบบจะทำการประมวนผลจำนวนเงินลงทุน และช่วงอายุให้สอดคล้อง เหมาะสม และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้อัตโนมัติครับ ซึ่งจากข้อมูลตัวอย่างจะพบว่า หากต้องการลงทุนด้วยงบประมาณเริ่มต้น 10,000 บาท โดยกำหนดช่วงอายุน้อยกว่า 21 ปี จะพบว่าการลงทุนที่เหมาะกับช่วงอายุนี้ควรจะลงทุนประเภทเงินฝาก 50% ตราสารหนี้ 40% และประกันภัย 10% ครับ

5803-04

จะเห็นว่าการลงทุนในช่วงอายุไม่เกิน 21 ปี หรือในช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่น ควรลงทุนในประเภทที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ เงินฝาก ตราสารหนี้ และประกันภัย ซึ่งจะได้ประมาณการอัตราผลตอบแทนต่อปีเท่ากับ 2.80% หรือหากลงทุนตามตัวอย่างด้านบนที่จำนวนเงิน 10,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 280 บาทต่อปีนั่นเอง

5803-05

นอกจากจะได้รู้ข้อมูลการออมและการลงทุนที่เหมาะกับช่วงอายุของเราแล้ว ระบบยังมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจของธนาคารและได้ผลตอบใกล้เคียงตามตัวเลขที่ประมาณการข้างต้นด้วยครับ ซึ่งในที่นี้ระบบได้แนะนำ

– เงินฝาก : ออมทรัพย์กรุงศรีทีนพลัส

– ตราสารหนี้ : ตราสารหนี้ที่มีกำหนดระยะเวลา

– ประกันภัย : กรุงศรี โบนัสไลฟ์ 20/9, กรุงศรี เกรท ฟิวเจอร์ 18/7 (มีเงินปันผล) และ กรุงศรี สมาร์ท ซีเคียวไฟล์ 20/7

5803-06

จากตัวเลขผลตอบแทนข้างต้น เป็นเพียงตัวเลขผลตอบแทนจากเงินก้อนเดียวที่ได้ลงทุนไปครับ ซึ่งเด็กๆ จะเห็นผลว่าเงินหรือผลตอบแทนนั้นอาจจะดูน้อยเกินไป แต่หากเด็กๆ อดทน และความมีวินัยในการออม ผลตอบแทนในอนาคตจะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอนครับ เช่น อาจจะเริ่มต้นออมหรือลงทุนด้วยเงินก้อน จากนั้นก็ทยอยออมด้วยเงินที่เหลือจากค่าขนมจำนวนเท่าๆ กัน ทุกๆ สัปดาห์หรือทุกๆ เดือน หากมีวินัยในการออมเช่นนี้ รับรองได้ว่าผลตอบแทนที่ได้ในอนาคตจะมากขึ้น และที่สำคัญจะได้เห็นถึงอิทธิพลของดอกเบี้ยทบต้นอย่างแน่นอนครับ

ขอให้เด็กๆ ทุกคนเริ่มต้นออมและรักษาวินัยในการออมอย่างเคร่งครัดนะครับ แล้ววันที่เด็กๆ โตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อนั้นคำว่าอิสระทางการเงินจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ

สำหรับขั้นตอนการวางแผนทางการเงินตามที่อธิบายมาข้างต้น สรุปเป็นแผนภาพง่าย เพื่อให้เห็นขั้นตอนดังนี้ครับ

5_Mar_ร้างรากฐานเศรษฐีตั้งแต่วัยรุ่น2

// ที่มา : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

Related Posts

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 27 ก.ค. 68 ศึกตาควาย: ทรัมป์ไกล่เกลี่ย ไทย-กัมพูชาปะทะเดือดอีกครั้ง

การสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (27 ก.ค. 2568) ภาพรวมเหตุการณ์ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ นับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทย รวมถึงการโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวา จุดยืนและการตอบสนองของไทย ไทยยืนยันจุดยืนในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจาทวิภาคี และพร้อมหารือเพื่อกำหนดมาตรการหยุดยิงที่ชัดเจนและยั่งยืน หากกัมพูชาแสดงความจริงใจ อย่างไรก็ตาม การโจมตีต่อเนื่องของกัมพูชาสะท้อนการขาดความจริงใจและไม่สอดคล้องระหว่างคำพูดกับการกระทำ สิทธิในการป้องกันตนเอง: ไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามมาตรา…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 26 ก.ค. 68 ตราดพิฆาตไพรี 1 ถล่มกัมพูชา

26 กรกฎาคม 2568 (วันที่สามของการปะทะ) 02:00 น. – เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของฮุนเซน ลงจอดที่สิงคโปร์ (หลังจากบินไปอินโดนีเซีย) 05:00 น. – (ตามที่พระศักดา สุนทโร และแม่ค้าหมูปิ้งรายงาน) ได้ยินเสียงปืนใหญ่และระเบิดดังขึ้น แสงไฟวาบจากภูเขาบรรทัด ชาวบ้านเห็นแสงไฟหลายลูกลอยอยู่กลางอากาศ 05:10 น. – กองทัพเรือเปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ตอบโต้การโจมตีของทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก จังหวัดตราด…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 25 ก.ค. 68 การปะทะที่รุนแรง และ ความพยายามของกัมพูชาในการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์

ลำดับเหตุการณ์ 25 กรกฎาคม:04:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มทหารไทยอย่างดุเดือดตามแนวรบปราสาทพระวิหารฝั่งศรีสะเกษ ไทยยิงโต้ตอบ. 04:50 น.: รถถังกัมพูชา 6 คัน จอดเรียงหน้ากระดานฝั่งตรงข้ามช่องบก. 04:54 น.: ทหารทั้งสองฝ่ายประจำแนวรบด้านปราสาทพระวิหาร. 05:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงจากพื้นที่สุรูปากกล้วย ไทยใช้รถถังเบา Scorpion ยิงสนับสนุนบริเวณด้านข้างปราสาทตาเมือง. 05:00 น. เศษ (เกือบ 06:00 น.):…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 24 ก.ค. 68 เมื่อกัมพูชาเริ่มยิงเข้ามาในไทย และสร้างความสูญเสียให้กับเด็กและชาวบ้าน

ลำดับเหตุการณ์ วันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุทุ่นระเบิดครั้งแรก: ทหารไทย 3 นายเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี มี 1 นายบาดเจ็บสาหัส กระทรวงการต่างประเทศประท้วงกัมพูชา: รัฐบาลไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชาโดยตรง และประท้วงต่อญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาครั้งที่ 22 วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2568 16:55 น. เหตุทุ่นระเบิดครั้งที่สอง: กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 14 ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน…

อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง

ชวนคิด…วันนี้ เสนอตอน: อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง . ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI ช่วยงานเยอะครับ เพราะมันช่วยเบาแรงและลดภาระเราได้จริง ๆ นะ แต่บางเรื่องในบริบทของหน้าที่ครู ผมก็เห็นว่าผลงานบางอย่างครูเป็นผู้เขียนขึ้นมาเองจากกระบวนการคิดการไตร่ตรอง ประสบการณ์ที่สะสมมา จะเป็นประโยชน์และมีคุณค่าสำหรับนักเรียนมากกว่าที่จะให้ AI สร้างงานนั้นให้เรา . รวมไปถึงการมองว่า AI จะทำให้เราสบาย จนละทิ้งแก่นสำคัญของการได้มาซึ่งงานที่มีคุณภาพตามบริบท สภาพแวดล้อม หรือความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนของเราครับ . จากภาพนี้ผมชวนคิดว่า…

บันทึกความทรงจำ: ผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิตของผมเอง

​เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.20 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสะกาย ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 326 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร ผลกระทบในประเทศไทย กรุงเทพมหานคร: อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในย่านจตุจักร ซึ่งมีความสูง 33…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.