ยุคที่การมาของ AI ส่งผลต่อการจัดการศึกษา ครูจึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากครับที่จะต้องปรับกลยุทธ์การสอน ทั้งการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้ คิดเอง ทำเอง เกิดทักษะด้วยตนเอง โดยไม่ใช่การใช้ AI ช่วยทำงาน แต่ในอีกทางหนึ่ง ก็ต้องส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ AI อย่างเกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้อย่างมีจริยธรรมด้วย
วันนี้ผมจึงมีทางเลือกหรือรูปแบบการสอนหนึ่งมานำเสนอครับ เป็นการผสมผสานกันระหว่างรูปแบบการสอนที่มีมาอย่างนมนาน ร่วมกับการนำ AI เข้าไปใช้อย่างกลมกลื่น วิธีการสอนนี้ผมตั้งชื่อว่า “THE CORES MODEL”
คอนเซปต์ของโมเดล คือ “มนุษย์คิดนำ เอไอหนุนเสริม” (Human-Led, AI-Supported) เป็นการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) ที่ออกแบบมาเพื่อยุค AI โดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนของเราจะยังมี “แก่น (Core)” ของความรู้ที่แน่นปึ้ก และสามารถ “ฉายภาพ (Showcase)” ความสำเร็จนั้นออกมาได้อย่างงดงาม
มาดูกันครับว่า 5 ขั้นตอนของ CORES ที่จะเปลี่ยนห้องเรียนของคุณให้ทันสมัยและเด็กๆ ได้ฝึกคิดจริงๆ นั้นทำยังไงกันบ้าง
บันได 5 ขั้นสู่การเรียนรู้ยุคใหม่ (THE CORES MODEL)
1. C – Challenge (รับโจทย์ท้าทาย)
เป้าหมาย: กระตุ้นต่อมอยากรู้!
เริ่มต้นด้วยการที่ครูโยน “ระเบิดความสงสัย” ลงไปกลางห้องครับ! มันคือการเปิดประเด็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เช่น “โรงเรียนเราน้ำท่วมทุกปี เราจะแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืนได้ยังไง?” หรือ “ขยะพลาสติกในโรงอาหารล้นแล้ว ทำไงดี?” เอาให้เด็กๆ รู้สึกว่า “เฮ้ย เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรานี่นา!”
สถานะ AI ในขั้นตอนนี้: OFF (ปิดสวิตช์!)
ทำไมต้องปิด? เพื่อให้นักเรียนโฟกัสที่ “ตัวปัญหา” และบริบทจริงๆ ก่อน อย่าเพิ่งรีบกระโดดไปหาเครื่องมือหรือเทคโนโลยีครับ
2. O – Originality (คิดริเริ่มด้วยตนเอง) ⭐ จุดนี้สำคัญที่สุด!
เป้าหมาย: รีดไอเดียจากสมองมนุษย์ล้วนๆ!
ขั้นตอนนี้คือหัวใจสำคัญครับ ครูต้องเข้มงวดนิดนึง “ห้ามใช้ AI เด็ดขาด!” ให้นักเรียนจับกลุ่มระดมสมอง วางแผน เขียน Mind Map หรือร่างโครงงานกระดาษ (Unplugged) ด้วยความคิดของกลุ่มตัวเองล้วนๆ
นักเรียนต้องตอบได้อย่างภาคภูมิใจว่า “แนวคิดนี้มาจากพวกเราเอง” ไม่ใช่ไป Copy หรือให้ AI คิดให้
สถานะ AI ในขั้นตอนนี้: OFF (ปิดตาย!)
ทำไมต้องปิด? เพื่อฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นสกิลที่ AI แทนที่มนุษย์ไม่ได้ครับ ถ้าปล่อยให้ใช้ตอนนี้ เด็กจะข้ามกระบวนการคิดไปเลย
3. R – Refinement (กลั่นกรองและขยายผล)
เป้าหมาย: เอาไอเดียดิบๆ มาขัดเกลาให้คมกริบ
โอเค! หลังจากได้ “Original Idea” จากสมองมนุษย์ในข้อ 2 แล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเรียกผู้ช่วยแล้วครับ ให้นำไอเดียนั้นมาตรวจสอบความถูกต้อง หรือหาข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม
สถานะ AI ในขั้นตอนนี้: ✅ ON (เปิดสวิตช์!)
บทบาทของ AI: ที่ปรึกษา (The Consultant)
ใช้ยังไง? ใช้ AI ช่วยวิพากษ์วิจารณ์ไอเดีย หรือเติมเต็มช่องโหว่ เช่น
Prompt ตัวอย่าง: “กลุ่มของฉันคิดวิธีแก้ปัญหาน้ำท่วมโรงเรียนโดยการทำแก้มลิงใต้อาคารเรียน ช่วยวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และข้อจำกัดทางวิศวกรรมให้หน่อย” -> ให้ AI ช่วยตรวจสอบความเป็นไปได้
4. E – Execution (ลงมือสร้างนวัตกรรม)
เป้าหมาย: เปลี่ยนไอเดียให้เป็นของจริง
ได้เวลาลงมือทำ! ไม่ว่าจะเขียนโปรแกรม ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ หรือสร้างโมเดลจำลอง ขั้นตอนนี้คือการปฏิบัติจริงครับ
สถานะ AI ในขั้นตอนนี้: ✅ ON (เปิดสวิตช์!)
บทบาทของ AI: ผู้ช่วยนักบิน (The Co-pilot)
ใช้ยังไง? ใช้ AI เป็นเครื่องมือทุ่นแรง ช่วยแก้ปัญหาทางเทคนิคที่ซับซ้อน หรือลดงานซ้ำซ้อน เพื่อให้เด็กๆ มีเวลาโฟกัสที่ภาพรวมของงานมากขึ้น
Prompt ตัวอย่าง: “ช่วยเขียน Python Code สำหรับเชื่อมต่อเซนเซอร์วัดความชื้นให้หน่อย (ฉันมี Logic การทำงานแล้ว ตามนี้…)” -> ให้ AI ช่วยเขียนโค้ดในส่วนที่จำเจ
5. S – Showcase (นำเสนอและสะท้อนคิด) ✨ ขั้นตอนทีเด็ด!
เป้าหมาย: เล่าเรื่องราวให้โลกจำ
นี่คือขั้นตอนใหม่ที่เพิ่มเข้ามาและสำคัญมาก! การทำโปรเจกต์ดีแค่ไหน ถ้าสื่อสารไม่ได้ก็จบ ขั้นตอนนี้คือนำเสนอผลงาน เล่าเรื่องราว (Storytelling) และสรุปบทเรียนที่ได้
สถานะ AI ในขั้นตอนนี้: ✅ ON (เปิดสวิตช์เต็มที่!)
บทบาทของ AI: ครีเอทีฟและโค้ช (The Creative & Coach)
ใช้ยังไง? ใช้ AI ยกระดับการนำเสนอให้ดู “ว้าว” และเป็นมืออาชีพแบบสุดๆ ไม่ใช่แค่ใช้หาข้อมูลทำสไลด์ แต่ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ เช่น:
Gen ภาพประกอบ: “ช่วยสร้างภาพจำลองบรรยากาศโรงเรียนในอนาคตที่มีระบบนี้ติดตั้งอยู่ เพื่อประกอบสไลด์หน้าสุดท้าย”
เกลาบทพูด: “ช่วยเกลาบทพูดนำเสนอให้น่าตื่นเต้น ภายในเวลา 3 นาที โดยเน้นจุดขายเรื่องความประหยัด”
ซ้อมตอบคำถาม: “สมมติว่าคุณเป็นกรรมการขี้สงสัย ช่วยตั้งคำถามยากๆ เกี่ยวกับโปรเจกต์นี้มา 3 ข้อ เพื่อให้ฉันเตรียมตัวตอบ”
สรุป: ทำไม CORES Model ถึงเวิร์ค?
-
✅ Human-Centric: ตอบโจทย์ความกังวลของผู้ปกครองและครู เพราะเรามีขั้น O (Originality) ที่บังคับให้เด็กต้อง “คิดเอง” ก่อนเสมอ
-
✅ Full Loop: เรียนรู้ครบวงจร ตั้งแต่เริ่มเจอปัญหา จนถึงขั้น S (Showcase) ที่วัดผลลัพธ์ความสำเร็จได้ชัดเจน
-
✅ Smart Presentation: การใช้ AI ในขั้นนำเสนอ (เช่น Gen ภาพ, ซ้อมตอบคำถาม) เป็นการใช้ที่สร้างสรรค์และแตกต่าง ทำให้ผลงานของเด็กๆ ดูน่าสนใจขึ้นมาก
เห็นไหมครับว่า AI ไม่ใช่ศัตรู ถ้าเรารู้จักวางบทบาทให้ถูกต้อง ลองนำ CORES Model ไปปรับใช้ในห้องเรียนดูนะครับ แล้วคุณจะพบว่าการสอนในยุค AI มันสนุกและท้าทายกว่าที่คิด!
มาสร้างนักเรียนที่ “คิดเป็น” และ “ใช้เครื่องมือเป็น” ไปพร้อมๆ กันเถอะครับ!

