[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 26 ก.ค. 68 ตราดพิฆาตไพรี 1 ถล่มกัมพูชา

26 กรกฎาคม 2568 (วันที่สามของการปะทะ)

  • 02:00 น. – เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของฮุนเซน ลงจอดที่สิงคโปร์ (หลังจากบินไปอินโดนีเซีย)
  • 05:00 น. – (ตามที่พระศักดา สุนทโร และแม่ค้าหมูปิ้งรายงาน) ได้ยินเสียงปืนใหญ่และระเบิดดังขึ้น แสงไฟวาบจากภูเขาบรรทัด ชาวบ้านเห็นแสงไฟหลายลูกลอยอยู่กลางอากาศ
  • 05:10 น. – กองทัพเรือเปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ตอบโต้การโจมตีของทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก จังหวัดตราด
  • 05:40 น. – กองกำลังทหารเรือสามารถผลักดันทหารกัมพูชาให้ถอยร่นออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ
  • 08:30 น. – เสียงปืนใหญ่ในพื้นที่ตราดเงียบลง
  • 09:00 น. – ชาวกัมพูชาร่วมหมื่นคนเดินทางกลับประเทศจากจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จันทบุรี เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียด
  • 09:20 น. – ทหารไทยปักธงชาติไทยบนยอดภูมะเขือได้สำเร็จ (กองทัพภาคที่ 2 รายงาน)
  • 09:00 น. – 15:00 น. – การเคลียร์พื้นที่ 10% ที่เหลือบนภูมะเขือ รวมถึงทำลายฐานที่มั่น กระเช้า เสาเรดาร์ และบันไดเหล็กของกัมพูชา (เสร็จสิ้น 100% ตามรายงานช่วงบ่าย)
  • 11:00 น. – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (มาริษ เสงี่ยมพงษ์) แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่สหประชาชาติและพบปะผู้แทนระดับสูงหลายประเทศ ยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
  • 12:00 น. – ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลมฝั่งไทย (จันทบุรี) ปิดประตูใหญ่และกลับไปใช้ประตูเล็กตามเดิม เนื่องจากจำนวนชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับลดลง
  • 12:00 น. – กองทัพภาคที่ 2 แถลงการณ์สรุปสถานการณ์สู้รบ ระบุว่ามีพื้นที่ที่ยังปะทะอย่างต่อเนื่อง 7 จุด (ช่องบก, ช่องอานม้า, ซำแต, ช่องตาเฒ่า, ภูมะเขือ, ปราสาทตาควาย, กลุ่มปราสาทตาเมืองธม) และมีการอพยพประชาชนแล้วกว่า 88,038 คน ใน 4 จังหวัดชายแดน
  • 12:00 น. (ตามข้อมูลจากสุรินทร์) – เสียงการปะทะดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไป 16 ชั่วโมง
  • 12:21 น. – อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แจ้งห้ามเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด เนื่องจากปืนใหญ่ BM21 ของเขมรลงพื้นที่
  • 13:30 น. – นายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) แถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการรับมือและช่วยเหลือเหตุการณ์ชายแดน เน้นย้ำว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มความรุนแรง 100%
  • ช่วงบ่าย – F-16 และ Gripen อย่างละ 2 ลำ ของไทย ออกปฏิบัติการโจมตีพื้นที่เป้าหมายทางทหารของกัมพูชาบริเวณภูมะเขือและปราสาทตาเมืองธม ภารกิจสำเร็จลุล่วงและเครื่องบินกลับฐานอย่างปลอดภัย
  • 15:00 น. – พลเรือตรี ขวัญชัย ขำสม แถลงชี้แจงข่าวลือทหารเหยียบกับระเบิดที่ตราดว่าไม่เป็นความจริง แท้จริงแล้วทหาร 3 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำขณะปฏิบัติหน้าที่
  • 15:17 น. – เสียงปืนใหญ่ยังดังต่อเนื่องที่กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ
  • กองทัพภาคที่ 2 เผยอาวุธที่ยึดได้จากกัมพูชาบนภูมะเขือ 11 รายการ และโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง
  • หน่วยงาน DE สั่งสแตนบาย 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือแฮกเกอร์กัมพูชาที่จ้องโจมตีเว็บไซต์ไทย
  • สระแก้วต้องการเลือดด่วน (โรงพยาบาลอรัญญประเทศและโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว)
  • พลตรี ดวง ซอมเนียง ผู้บัญชาการกองพล 7 กัมพูชา เสียชีวิตจากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ภูมะเขือและช่องตาเฒ่า
  • เรือนจำกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จำเป็นต้องย้ายผู้ต้องขังประมาณ 1,300 คน ไปยังเรือนจำอื่น 14 แห่ง เพื่อความปลอดภัย
  • จับกุมสายลับชาวกัมพูชาได้ 2 รายที่อำเภอละหานทราย บุรีรัมย์ พร้อมหลักฐานการถ่ายภาพและลงพิกัดในช่องทางแชท

สรุปสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา (26 กรกฎาคม 2568)

สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ยังคงตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยฝ่ายไทยยืนยันหนักแน่นว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นโจมตีและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ขณะที่กองทัพไทยตอบโต้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องอธิปไตยและพลเรือน

1. สถานการณ์การปะทะและปฏิบัติการทางทหาร

  • การเริ่มต้นการโจมตี: ไทยยืนยันว่า “กัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มยิงการกระทำที่เป็นที่ ที่ในศัพท์ที่เรียกว่า aggression คือเปิดฉากยิงประเทศไทยก่อน” โดยเริ่มต้นตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 24 ก.ค. และต่อเนื่องมาถึงวันที่ 26 ก.ค. เวลาประมาณ 05:10 น. ในพื้นที่บ้านชำราก อ.เมืองตราด
  • การโจมตีเป้าหมายพลเรือน: กัมพูชาโจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และหมู่บ้าน ทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีเด็กชายวัย 8 ขวบเสียชีวิต “ยิ่งที่น่าเศร้ามากที่สุดเนี่ย ก็คือทำให้เด็กอายุเพียง 8 ขวบ ต้องเสียชีวิต” กระทรวงการต่างประเทศระบุว่าการกระทำนี้ “ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรของ UN และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง”
  • การตอบโต้ของไทย: กองทัพไทยได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” และ “จักรพงษ์ภูวนาถ 681 ทบ” โดยกองทัพเรือสามารถผลักดันทหารกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย 3 จุดในจังหวัดตราดจนถอยร่นออกไปได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 30 นาที และไม่มีฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นอกจากนี้ กองทัพไทยยังได้ใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 และ Gripen จำนวนรวม 4 ลำเข้าโจมตีฐานยิงจรวดและค่ายทหารของกัมพูชาบริเวณภูมะเขือและปราสาทตาเมือนธม โดยเน้นเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี
  • การวางกำลังและยึดพื้นที่: กองทัพไทยยังคงตรึงกำลังทางบกและทางน้ำตลอดแนวชายแดน และสามารถยึดพื้นที่ภูมะเขือกลับคืนมาได้ 100% รวมถึงทำลายสิ่งปลูกสร้าง เช่น กระเช้า บันได และเสาเรดาร์ของกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามา
  • สถานการณ์ในพื้นที่:ตราด: มีการปะทะกันรุนแรงในช่วงเช้ามืด แต่สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในภาวะปกติ ประชาชนส่วนใหญ่กว่า 60% อพยพออกนอกพื้นที่แล้ว
  • สุรินทร์: เสียงปืนเงียบไป 16 ชั่วโมง แต่กลับมาดังขึ้นอีกครั้งในช่วงเที่ยงวัน การปะทะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแม้มีฝนตกหนัก
  • ศรีสะเกษ: พื้นที่กันทรลักษ์ยังคงระอุ มีเสียงปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลกันทรลักษ์ถูกลือว่าโดนโจมตี แต่ภายหลังยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และสถานการณ์ยังปกติ
  • สระแก้ว: กองทัพไทยผลักดันทหารกัมพูชาออกจาก 4 พื้นที่ที่รุกล้ำเข้ามาได้สำเร็จและตรึงกำลังไว้แล้ว แต่ยังคงเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

2. การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรม

  • การใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์: กองทัพบกไทยเปิดเผยหลักฐานว่าทหารกัมพูชา “ใช้พลเรือนของตัวเองเป็นโล่มนุษย์” โดยการตั้งฐานยิงอาวุธ เช่น BM-21 และ RM-70 ใกล้กับพื้นที่ชุมชนและถนน ซึ่งเป็นอาวุธที่ “ขาดความแม่นยำ” และอาจทำให้พลเรือนเสียชีวิต
  • การวางทุ่นระเบิดใหม่: มีหลักฐานว่ากัมพูชา “วางทุ่นระเบิดใหม่” ในดินแดนอธิปไตยของไทย ทำให้ทหารไทย 2 นายบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียอวัยวะ ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
  • การโจมตีสิ่งปลูกสร้างพลเรือน: กัมพูชาถูกกล่าวหาว่าโจมตีและทำลาย “เจดีย์ ศูนย์สุขภาพ ปั๊มน้ำมัน ตลาด หมู่บ้าน และปราสาทพระวิหาร” (ซึ่งไทยยืนยันว่าเป็นข่าวปลอมเรื่องปราสาทพระวิหาร เพราะอยู่ห่างจากจุดปะทะ 2 กม.)
  • การอพยพประชาชน: กัมพูชาอ้างว่าได้อพยพพลเรือนกว่า 35,829 คนในจังหวัดพระวิหาร อุดรมีชัย และโพธิสัตว์ ส่วนไทยได้อพยพประชาชนกว่า 88,000 คนใน 4 จังหวัดชายแดน (บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี) ไปยังศูนย์พักพิง
  • กระสุนตกใส่ สปป.ลาว: มีรายงานว่ากระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา 10 นัดตกลงในดินแดน สปป.ลาว ทำให้บ้านเรือนเสียหาย ไทยได้แสดงความเสียใจและยืนยันว่าไม่ใช่กระสุนจากกองทัพไทย โดยไทยระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่กระทบเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร

3. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการประชาสัมพันธ์

  • การประชุม UNSC: คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้จัดการประชุมแบบปิดเพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี 15 ประเทศสมาชิก รวมถึงไทยและกัมพูชาเข้าร่วม ฝ่ายไทยยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงและโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่อง UNSC เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี รวมถึงสนับสนุนบทบาทของอาเซียน อย่างไรก็ตาม UNSC “ไม่ได้มีมติหรือออกเอกสารใดๆ”
  • บทบาทอาเซียน: ไทยเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนที่จะให้มีการเจรจาหยุดยิง “แต่กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจอย่างชัดเจน” และหยุดการโจมตีพื้นที่พลเรือน
  • ข่าวปลอม (Fake News): กัมพูชาถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่ข่าวปลอมจำนวนมาก เช่น อ้างว่าทำลายเครื่องบิน F-16 และรถถังของไทยได้ อ้างว่าไทยโจมตีปราสาทพระวิหาร หรืออ้างว่าทหารไทยทิ้งเครื่องแบบหนี ซึ่งล้วนเป็นข่าวที่ไม่มีหลักฐานและไม่เป็นความจริง
  • การบินของฮุนเซน: ฮุนเซนบินออกจากกัมพูชาตั้งแต่เกิดการปะทะครั้งแรก และเดินทางไปหลายประเทศในเอเชีย (เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย) โดยไม่ได้อยู่ในประเทศเพื่อบัญชาการรบ ซึ่งสวนทางกับการประชาสัมพันธ์ของฝ่ายกัมพูชาเอง
  • ความเห็นของสื่อต่างชาติ: สื่อเกาหลีใต้ตั้งข้อสังเกตว่านักเรียนไทยในจังหวัดชายแดนยังไปโรงเรียนตามปกติในวันที่เกิดเหตุ ขณะที่นักเรียนกัมพูชาถูกสั่งให้หยุดเรียน ซึ่งบ่งชี้ว่าไทยไม่ได้เตรียมการโจมตีก่อน

4. ผลกระทบต่อประชาชนและความช่วยเหลือ

  • การอพยพ: ประชาชนจำนวนมากในจังหวัดชายแดนต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว มีการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อประกอบอาหาร และมีการร้องขอให้บริจาคโลหิตในบางพื้นที่ (เช่น สระแก้ว)
  • ขวัญกำลังใจทหาร: มีการแสดงออกถึงความภาคภูมิใจและให้กำลังใจทหารไทยอย่างกว้างขวาง เช่น เด็กๆ ในบุรีรัมย์โบกธงชาติไทยให้ขบวนรถทหาร

5. การแถลงของนายกรัฐมนตรี (รักษาการ)

  • ประณามการกระทำของกัมพูชา: “เราถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง” และ “ขัดต่อหลักสันติวิธี ของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดในหลักของเรื่องมนุษยธรรมด้วย”
  • ยืนยันว่าไทยไม่ได้เริ่มก่อน: “เมื่อความรุนแรงมาถึงเราเองก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน” และยืนยันว่า “ความรุนแรงนี้เป็นการถูกเริ่มโดยกัมพูชา 100%”
  • การปราบคอลเซ็นเตอร์: นายกรัฐมนตรี (รักษาการ) เชื่อว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งอาจเกี่ยวกับการที่ไทยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ซึ่งกัมพูชาอาจ “เสียผลประโยชน์”

สถานการณ์ยังคงเป็นไปอย่างไม่แน่นอน กองทัพไทยยังคงพร้อมรับมือทุกสถานการณ์และเน้นย้ำความสำคัญของการปกป้องอธิปไตยและชีวิตของประชาชนไทยเป็นสำคัญ

Related Posts

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 27 ก.ค. 68 ศึกตาควาย: ทรัมป์ไกล่เกลี่ย ไทย-กัมพูชาปะทะเดือดอีกครั้ง

การสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (27 ก.ค. 2568) ภาพรวมเหตุการณ์ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ นับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทย รวมถึงการโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวา จุดยืนและการตอบสนองของไทย ไทยยืนยันจุดยืนในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจาทวิภาคี และพร้อมหารือเพื่อกำหนดมาตรการหยุดยิงที่ชัดเจนและยั่งยืน หากกัมพูชาแสดงความจริงใจ อย่างไรก็ตาม การโจมตีต่อเนื่องของกัมพูชาสะท้อนการขาดความจริงใจและไม่สอดคล้องระหว่างคำพูดกับการกระทำ สิทธิในการป้องกันตนเอง: ไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามมาตรา…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 25 ก.ค. 68 การปะทะที่รุนแรง และ ความพยายามของกัมพูชาในการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์

ลำดับเหตุการณ์ 25 กรกฎาคม:04:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มทหารไทยอย่างดุเดือดตามแนวรบปราสาทพระวิหารฝั่งศรีสะเกษ ไทยยิงโต้ตอบ. 04:50 น.: รถถังกัมพูชา 6 คัน จอดเรียงหน้ากระดานฝั่งตรงข้ามช่องบก. 04:54 น.: ทหารทั้งสองฝ่ายประจำแนวรบด้านปราสาทพระวิหาร. 05:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงจากพื้นที่สุรูปากกล้วย ไทยใช้รถถังเบา Scorpion ยิงสนับสนุนบริเวณด้านข้างปราสาทตาเมือง. 05:00 น. เศษ (เกือบ 06:00 น.):…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 24 ก.ค. 68 เมื่อกัมพูชาเริ่มยิงเข้ามาในไทย และสร้างความสูญเสียให้กับเด็กและชาวบ้าน

ลำดับเหตุการณ์ วันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุทุ่นระเบิดครั้งแรก: ทหารไทย 3 นายเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี มี 1 นายบาดเจ็บสาหัส กระทรวงการต่างประเทศประท้วงกัมพูชา: รัฐบาลไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชาโดยตรง และประท้วงต่อญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาครั้งที่ 22 วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2568 16:55 น. เหตุทุ่นระเบิดครั้งที่สอง: กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 14 ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน…

อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง

ชวนคิด…วันนี้ เสนอตอน: อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง . ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI ช่วยงานเยอะครับ เพราะมันช่วยเบาแรงและลดภาระเราได้จริง ๆ นะ แต่บางเรื่องในบริบทของหน้าที่ครู ผมก็เห็นว่าผลงานบางอย่างครูเป็นผู้เขียนขึ้นมาเองจากกระบวนการคิดการไตร่ตรอง ประสบการณ์ที่สะสมมา จะเป็นประโยชน์และมีคุณค่าสำหรับนักเรียนมากกว่าที่จะให้ AI สร้างงานนั้นให้เรา . รวมไปถึงการมองว่า AI จะทำให้เราสบาย จนละทิ้งแก่นสำคัญของการได้มาซึ่งงานที่มีคุณภาพตามบริบท สภาพแวดล้อม หรือความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนของเราครับ . จากภาพนี้ผมชวนคิดว่า…

บันทึกความทรงจำ: ผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิตของผมเอง

​เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.20 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสะกาย ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 326 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร ผลกระทบในประเทศไทย กรุงเทพมหานคร: อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในย่านจตุจักร ซึ่งมีความสูง 33…

เชียร์ลีดเดอร์ครั้งแรกของอันนา ป.3

วันที่ 25 ธ.ค. 2567 วันนี้เราตื่นกันตั้งแต่สีสองครึ่งเกือบตีสาม รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน เพราะอันนามีนัดกับคุณครูไว้เพื่อที่จะแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว กับการเป็นเชียร์ลีดเดอร์ปีแรกของอันนา ซึ่งอันนามีความตั้งใจที่จะเป็นมาตั้งแต่ ป.1 แล้วครับ แต่ก็ยังไม่ผ่านการคัดเลือก ปีนี้มีโอกาสได้เป็นแล้ว อันนาดีใจมากๆ นอนแทบไม่หลับเลย แต่ก็พยายามนอนและตื่นมาตอนตีสองครึ่งด้วยความตื่นเต้นมาก ๆ ครับ เรามาถึงโรงเรียนเกือบตีสี่ ซึ่งก็มีเพื่อน ๆ มาแต่งหน้ากันบ้างแล้ว มีผู้ปกครองมานั่งเฝ้ากันพอสมควร พ่อโจ๊กกับแม่ฝนส่งอันนาที่ห้องแต่งตัวก็ลงมารอที่ชั้นล่างของโรงเรียน ซึ่งก็คือโรงอาหารครับ…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.