โทรศัพท์เครื่องแรกของอันนา กับการเรียนรู้การอดทนต่อการเก็บเงิน

ที่มาของการเก็บเงินซื้อ iPhone13 ของอันนา…

คงต้องเล่าย้อนกลับไปไกลนิดนึง ก็ตั้งแต่อันนาเริ่มเข้าอนุบาลครับ อันนาเป็นเด็กที่ไม่ค่อยชอบไปเรียน เข้ากับเพื่อนไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยเริ่มคุยกับใครก่อน ในช่วงแรกของการไปโรงเรียนอันนาจะมีอาการอาเจียนทุกวันในตอนเช้า อาจจะด้วยอาการเครียด ข้าวก็กินไม่ได้

พ่อกับแม่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะสร้างแรงจูงใจอย่างไรดี ถามคุณครูแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเรียน แต่พ่อกับแม่ก็พอรู้ว่าอันนาไม่ชอบไปโรงเรียนเพราะการอยู่บ้านกับพ่อแม่สบายกว่าเยอะ 55

ดังนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้น (ที่อาจจะไม่ดีเท่าไหร่) คือการตกลงกันกับอันนาว่าจะให้ของรางวัลคนเก่งทุกสัปดาห์ที่อันนาไปเรียนครบ ซึ่งอันนาก็พยายามทำ พยายามอดทนในการไปเรียนพอสมควร และก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ (ก่อนที่โควิดจะมา)

แต่ปัญหาก็คือการจ่ายค่าขนมรวมกับของรางวัลคนเก่งประจำสัปดาห์นั้นเยอะทุกสัปดาห์ รวมทั้งอันนาก็เลือกของที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงต่อมาคือการเริ่มสอนให้อันนารู้จักใช้เงินให้มีประโยชน์ โดยเพิ่มค่าขนมให้จากเดิมที่ให้สัปดาห์ละ 200 (วันละ 40 บาท) เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 500 (ช่วงหลังโควิด) โดยให้อันนานำใส่กระเป๋าไปวันละ 40 บาท เป็นค่าขนม และเงินที่เหลือจากค่าขนมคือเงินทีอันนาจะเอาไปซื้ออะไรก็ได้ตามที่อยากได้ ดังนั้นในทุก ๆ สัปดาห์อันนาก็จะได้ของที่ต้องการ รวมทั้งพ่อก็ไม่ต้องจ่ายค่าขนมเพิ่มด้วย เพราะให้ใช้จากเงินค่าขนมที่ได้ไปแล้ว

พอเริ่มขึ้นชั้น ป.1 อันนาก็อยากได้อะไรที่มันแพงขึ้น เช่น โทรศัพท์ อันนาก็พูดหลายครั้งว่าอยากได้ ซึ่งพ่อกับแม่ก็บอกกลับไปว่าอันนาซื้อโทรศัพท์ได้นะ แต่อันนาจะต้องเก็บเงินเอง เพราะเป็นสิ่งของที่ยังไม่จำเป็น อันนาก็โคเคที่จะเก็บเงินเอง และแต่ละวันอันนาก็จะซื้อขนมน้อยลง บางวันก็ไม่ซื้อเลย ของรางวัลประจำสัปดาห์ก็ไม่ซื้อแล้ว หรืออาจจะซื้ออะไรเล็กน้อยที่ทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ทำให้ในแต่ละสัปดาห์อันนาจะมีเงินเหลือ 2-3 ร้อยบาท จากที่ให้ไป 5 ร้อยบาท

อันนาเก็บเงินได้พอสมควร ก็ไปดูโทรศัพท์ที่อยากได้ ตอนนั้นอยากได้ Samsung แบบพับได้ ก็แพงพอสมควรเลย ต้องเก็บเงินอีกนาน อันนาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปขอซื้อแท็บเล็ต Samsung Tab A ซึ่งพ่อกับแม่ก็ได้ถามแล้วว่าอยากได้ไปทำไม iPad ก็มีอยู่แล้ว ถามอยู่สองสามครั้งว่าไม่เก็บเงินซื้อโทรศัพท์แล้วหรอ อันนาก็ยืนยันว่าจะซื้อ Tab A ราคาประมาณ 7 พันบาท พ่อกับแม่ก็ให้ซื้อครับ พาอันนาไปถอนเงินจากธนาคารและพาไปซื้อ

ถ้าถามว่าทำไมให้ซื้อง่ายจัง จริงๆแล้วผมอยากจะสอนให้อันนารู้และเข้าใจถึงคำว่า “อดทน” และ “คุณค่าของเงิน” ครับ เพราะหลังจากที่เค้าได้ Tab A มาแล้วเค้าก็พบว่ามันไม่ค่อยโอเค หรือถ้าพูดตรงๆ ก็คือมันไม่ได้ดีไปกว่า iPad ที่ใช้อยู่เลย และอันนาก็ไม่ค่อยได้ใช้ Tab A แล้ว หรือใช้เป็นเครื่องสำรองเวลา iPad แบตหมด

หลังจากนั้นไม่นานอันนาก็พูดถึงการซื้อโทรศัพท์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้อันนาบอกว่าอยากได้ iPhone แล้ว เพราะจากการที่ลองเล่น Samsung แล้วเลยไม่ค่อยอยากได้รุ่นเคยที่บอกไว้ พ่อกับแม่ก็เลยได้เล่าให้ฟังว่าถ้าอันนาอดทนรอเก็บเงินอีกนิดเดียว ไม่ซื้อ Tab A อันนาก็จะมีเงินเก็บเพียงพอหรือใกล้ที่จะซื้อโทรศัพท์ได้แล้ว ตอนนี้อันนาจึงต้องเริ่มเก็บเงินใหม่ จำได้ว่า ณ วันนั้นอันนามีเงินเหลือในบัญชีและเงินเก็บเพิ่มใหม่อีกประมาณพันกว่าบาทเท่านั้น

แต่ iPhone ที่อันนาอยากได้ราคาสองหมื่นห้าพันบาท (iPhone 13) ที่อันนาเลือกรุ่นนี้ก็เพราะพ่อกับแม่แนะนำว่าเป็นรุ่นที่อันนาน่าจะพอเก็บเงินซื้อได้ และหากซื้อรุ่นต่ำกว่านี้ก็เก่าเกินไปแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ก็นานหลายเดือนพอสมควร อันนาใช้เงินอย่างประหยัด กินขนมบ้าง ซื้อขนมในเซเว่นบ้าง พ่อกับแม่ช่วยซื้อขนมให้บ้าง ของรางวัลประจำสัปดาห์ก็แทบไม่ได้ซื้อแล้ว ทำให้แต่ละสัปดาห์อันนามีเงินเหลือเยอะขึ้น เดือนละหนึ่งพันกว่าบาท

มาถึงวันนี้อันนาอดทนเก็บเงินมานานพอสมควร และอีกนิดเดียวก็จะซื้อได้แล้ว เท่าที่ประมาณไว้ก็น่าจะช่วงปิดเทอม สงกรานต์น่าจะซื้อได้แล้ว และก็เป็นโชคดีของอันนาจริง ๆ ที่คุณแม่อยากได้ e-receipt ไว้ลดหย่อนภาษีที่กำลังจะหมดเขตกลางเดือนนี้ และโชคดีต่อที่สองคือคุณแม่เปิดไปดูเว็บ power buy ซึ่งกำลังลดราคา iPhone13 พอดีเลย คุณแม่เลยยื่นข้อเสนอช่วยอันนาออกเงินอีกนิดนึงให้อันนาสามารถซื้อ iPhone13 ได้ครับ
….
และนี่คือที่มาของ iPhone13 ของอันนา และเป็นความภูมใจที่เก็บเงินเองมาตลอดหลายเดือนจนมีเงินเก็บที่เกือบจะซื้อได้แล้ว ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

Related Posts

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 27 ก.ค. 68 ศึกตาควาย: ทรัมป์ไกล่เกลี่ย ไทย-กัมพูชาปะทะเดือดอีกครั้ง

การสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (27 ก.ค. 2568) ภาพรวมเหตุการณ์ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ นับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทย รวมถึงการโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวา จุดยืนและการตอบสนองของไทย ไทยยืนยันจุดยืนในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจาทวิภาคี และพร้อมหารือเพื่อกำหนดมาตรการหยุดยิงที่ชัดเจนและยั่งยืน หากกัมพูชาแสดงความจริงใจ อย่างไรก็ตาม การโจมตีต่อเนื่องของกัมพูชาสะท้อนการขาดความจริงใจและไม่สอดคล้องระหว่างคำพูดกับการกระทำ สิทธิในการป้องกันตนเอง: ไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามมาตรา…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 26 ก.ค. 68 ตราดพิฆาตไพรี 1 ถล่มกัมพูชา

26 กรกฎาคม 2568 (วันที่สามของการปะทะ) 02:00 น. – เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของฮุนเซน ลงจอดที่สิงคโปร์ (หลังจากบินไปอินโดนีเซีย) 05:00 น. – (ตามที่พระศักดา สุนทโร และแม่ค้าหมูปิ้งรายงาน) ได้ยินเสียงปืนใหญ่และระเบิดดังขึ้น แสงไฟวาบจากภูเขาบรรทัด ชาวบ้านเห็นแสงไฟหลายลูกลอยอยู่กลางอากาศ 05:10 น. – กองทัพเรือเปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ตอบโต้การโจมตีของทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก จังหวัดตราด…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 25 ก.ค. 68 การปะทะที่รุนแรง และ ความพยายามของกัมพูชาในการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์

ลำดับเหตุการณ์ 25 กรกฎาคม:04:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มทหารไทยอย่างดุเดือดตามแนวรบปราสาทพระวิหารฝั่งศรีสะเกษ ไทยยิงโต้ตอบ. 04:50 น.: รถถังกัมพูชา 6 คัน จอดเรียงหน้ากระดานฝั่งตรงข้ามช่องบก. 04:54 น.: ทหารทั้งสองฝ่ายประจำแนวรบด้านปราสาทพระวิหาร. 05:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงจากพื้นที่สุรูปากกล้วย ไทยใช้รถถังเบา Scorpion ยิงสนับสนุนบริเวณด้านข้างปราสาทตาเมือง. 05:00 น. เศษ (เกือบ 06:00 น.):…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 24 ก.ค. 68 เมื่อกัมพูชาเริ่มยิงเข้ามาในไทย และสร้างความสูญเสียให้กับเด็กและชาวบ้าน

ลำดับเหตุการณ์ วันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุทุ่นระเบิดครั้งแรก: ทหารไทย 3 นายเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี มี 1 นายบาดเจ็บสาหัส กระทรวงการต่างประเทศประท้วงกัมพูชา: รัฐบาลไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชาโดยตรง และประท้วงต่อญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาครั้งที่ 22 วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2568 16:55 น. เหตุทุ่นระเบิดครั้งที่สอง: กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 14 ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน…

อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง

ชวนคิด…วันนี้ เสนอตอน: อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง . ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI ช่วยงานเยอะครับ เพราะมันช่วยเบาแรงและลดภาระเราได้จริง ๆ นะ แต่บางเรื่องในบริบทของหน้าที่ครู ผมก็เห็นว่าผลงานบางอย่างครูเป็นผู้เขียนขึ้นมาเองจากกระบวนการคิดการไตร่ตรอง ประสบการณ์ที่สะสมมา จะเป็นประโยชน์และมีคุณค่าสำหรับนักเรียนมากกว่าที่จะให้ AI สร้างงานนั้นให้เรา . รวมไปถึงการมองว่า AI จะทำให้เราสบาย จนละทิ้งแก่นสำคัญของการได้มาซึ่งงานที่มีคุณภาพตามบริบท สภาพแวดล้อม หรือความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนของเราครับ . จากภาพนี้ผมชวนคิดว่า…

บันทึกความทรงจำ: ผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิตของผมเอง

​เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.20 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสะกาย ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 326 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร ผลกระทบในประเทศไทย กรุงเทพมหานคร: อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในย่านจตุจักร ซึ่งมีความสูง 33…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.