สอนลูก (อันนา) ใช้เงิน

หลังจากเปิดเรียนแบบออนไซต์มาได้เกือบปี ก็ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ๆ ในการให้อันนาได้ปรับตัวจากการเรียนออนไลน์มาเป็นการเรียนแบบออนไซต์ที่โรงเรียนครับ

แรงจูงใจหนึ่งที่ทำตั้งแต่เริ่มไปเรียนออนไซต์คือการกำหนดของรางวัลประจำสัปดาห์ ถ้าอันนาไปเรียนครบทั้งสัปดาห์โดยไม่ขอหยุดเรียนเลย ของรางวัลที่อันนาเลือกได้ก็แล้วแต่ที่อยากได้ครับ โดยมีงบประมาณให้ 100 – 200 บาท
และทุก ๆ เย็นก่อนเข้าบ้านก็จะแวะซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อกัน แต่ละวันก็มากน้อยไม่เท่ากัน พ่อก็จะเลือกไว้เยอะ ๆ เพราะอันนาชอบกินขนมตอนกลางคืนด้วย ก็ครั้งละร้อยกว่าบาท สองร้อย
จนมาวันหนึ่งรู้สึกว่าพ่อกับแม่ตามใจอันนามากไปหน่อย อยากได้อะไรก็ให้ อยากได้อะไรก็ซื้อ จึงต้องคิดใหม่แล้วครับ เพื่อไม่ให้เค้าเคยตัวกับการใช้เงินตามใจตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้น โตขึ้นเค้าอาจจะต้องการอะไรที่ใหญ่ไปมากกว่านี้ แล้วถ้าเราให้ไม่ได้ ก็อาจจะเป็นปัญหาได้
พ่อโจ๊กกับแม่ฝนเลยตกลงกันว่า เราจะให้ค่าขนมอันนาเป็นรายสัปดาห์ ตอนปลายเทอมที่ 1 เราให้สัปดาห์ละ 300 รวมค่าขนมและค่าของขวัญที่เค้าอยากจะซื้อตอนสุดสัปดาห์ด้วย
แต่พอมาเทอมที่ 2 นี้ รู้สึกว่าน่าจะไม่พอ แค่ซื้อขนมก็หมดแล้ว (จริงๆ ขนมเดียวนี้ก็แพงด้วยนะ) ก็เลยเพิ่มให้เป็นสัปดาห์ละ 400 บาทครับ ซึ่งเราได้คุยกันแล้วบอกข้อตกลงอันนาว่า ต่อไปนี้ให้อันนาจัดการเงินของตัวเองก้อนนี้ เงินก้อนนี้จะเป็นทั้งค่าขนมและค่าของขวัญที่อันนาอยากได้ ดังนั้นหากหนูซื้อขนมเยอะ ซื้อจนหมด หรือซื้อมาแล้วกินบ้างไม่กินบ้าง ก็จะไม่เหลือเงินซื้อของที่อยากได้ในวันหยุดเลย
ซึ่งอันนาก็ตกลงด้วยดี และพ่อกับแม่ก็เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลายอย่างของอันนา อันนาเริ่มซื้อขนมที่ตัวเองอยากจะกินจริง ๆ เท่านั้น บางครั้งบอกให้ซื้อเพิ่มก็ไม่ซื้อ เช่น สาหร่ายที่อันนาชอบกัน ปกติเราจะซื้อกันหลาย ๆ ห่อ แต่เดี๋ยวนี้อันนาจะซื้อแค่ห่อเดียว หรือบางวันก็ซื้อแค่ชานมไข่มุก เพราะพ่อจะมีลูกชิ้นหรือขนมที่ซื้อจากโรงอาหารโรงเรียนมาฝากและให้ทานในรถตอนกลับบ้านอยู่แล้ว
แต่อันนาก็ไม่ได้ตระหนี่จนเกินไป วันนี้ลองบอกอันนาว่า “เลี้ยงชานมพ่อหน่อยนะ” อันนาก็โอเค และสั่งชานมให้พ่อด้วย (ใจดีจริงๆ)
จากเงินสี่ร้อนบาทตอนต้นสัปดาห์ ตอนนี้บางสัปดาห์ก็มีเงินเหลือหยอดกระปุก บางสัปดาห์ก็ใช้หมดเลย แต่ถ้าสัปดาห์ไหนอยากได้ของชิ้นใหญ่ที่ราคาแพงกว่าเงินที่เหลืออยู่ ก็สามารถสมทบเก็บไว้รวมกับสัปดาห์ต่อไปได้
สรุปว่าวิธีนี้ก็ถือว่าได้ผลดีนะครับ ที่ฝึกให้อันนาได้รู้จักการบริหารจัดการเงินของตัวเอง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการบริหารและจัดการตัวเองด้วยครับ

Related Posts

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 27 ก.ค. 68 ศึกตาควาย: ทรัมป์ไกล่เกลี่ย ไทย-กัมพูชาปะทะเดือดอีกครั้ง

การสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (27 ก.ค. 2568) ภาพรวมเหตุการณ์ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงตึงเครียดและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ นับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทย รวมถึงการโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวา จุดยืนและการตอบสนองของไทย ไทยยืนยันจุดยืนในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจาทวิภาคี และพร้อมหารือเพื่อกำหนดมาตรการหยุดยิงที่ชัดเจนและยั่งยืน หากกัมพูชาแสดงความจริงใจ อย่างไรก็ตาม การโจมตีต่อเนื่องของกัมพูชาสะท้อนการขาดความจริงใจและไม่สอดคล้องระหว่างคำพูดกับการกระทำ สิทธิในการป้องกันตนเอง: ไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามมาตรา…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 26 ก.ค. 68 ตราดพิฆาตไพรี 1 ถล่มกัมพูชา

26 กรกฎาคม 2568 (วันที่สามของการปะทะ) 02:00 น. – เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของฮุนเซน ลงจอดที่สิงคโปร์ (หลังจากบินไปอินโดนีเซีย) 05:00 น. – (ตามที่พระศักดา สุนทโร และแม่ค้าหมูปิ้งรายงาน) ได้ยินเสียงปืนใหญ่และระเบิดดังขึ้น แสงไฟวาบจากภูเขาบรรทัด ชาวบ้านเห็นแสงไฟหลายลูกลอยอยู่กลางอากาศ 05:10 น. – กองทัพเรือเปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ตอบโต้การโจมตีของทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก จังหวัดตราด…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 25 ก.ค. 68 การปะทะที่รุนแรง และ ความพยายามของกัมพูชาในการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์

ลำดับเหตุการณ์ 25 กรกฎาคม:04:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มทหารไทยอย่างดุเดือดตามแนวรบปราสาทพระวิหารฝั่งศรีสะเกษ ไทยยิงโต้ตอบ. 04:50 น.: รถถังกัมพูชา 6 คัน จอดเรียงหน้ากระดานฝั่งตรงข้ามช่องบก. 04:54 น.: ทหารทั้งสองฝ่ายประจำแนวรบด้านปราสาทพระวิหาร. 05:30 น.: ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงจากพื้นที่สุรูปากกล้วย ไทยใช้รถถังเบา Scorpion ยิงสนับสนุนบริเวณด้านข้างปราสาทตาเมือง. 05:00 น. เศษ (เกือบ 06:00 น.):…

[บันทึกสงครามไทย-กัมพูชา] 24 ก.ค. 68 เมื่อกัมพูชาเริ่มยิงเข้ามาในไทย และสร้างความสูญเสียให้กับเด็กและชาวบ้าน

ลำดับเหตุการณ์ วันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุทุ่นระเบิดครั้งแรก: ทหารไทย 3 นายเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี มี 1 นายบาดเจ็บสาหัส กระทรวงการต่างประเทศประท้วงกัมพูชา: รัฐบาลไทยได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชาโดยตรง และประท้วงต่อญี่ปุ่นในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาครั้งที่ 22 วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2568 16:55 น. เหตุทุ่นระเบิดครั้งที่สอง: กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 14 ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยบอน…

อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง

ชวนคิด…วันนี้ เสนอตอน: อย่าไปอินกับ AI ที่จะทำให้เราสบาย…จนละทิ้งการเรียนรู้และศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริง . ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI ช่วยงานเยอะครับ เพราะมันช่วยเบาแรงและลดภาระเราได้จริง ๆ นะ แต่บางเรื่องในบริบทของหน้าที่ครู ผมก็เห็นว่าผลงานบางอย่างครูเป็นผู้เขียนขึ้นมาเองจากกระบวนการคิดการไตร่ตรอง ประสบการณ์ที่สะสมมา จะเป็นประโยชน์และมีคุณค่าสำหรับนักเรียนมากกว่าที่จะให้ AI สร้างงานนั้นให้เรา . รวมไปถึงการมองว่า AI จะทำให้เราสบาย จนละทิ้งแก่นสำคัญของการได้มาซึ่งงานที่มีคุณภาพตามบริบท สภาพแวดล้อม หรือความเหมาะสมสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนของเราครับ . จากภาพนี้ผมชวนคิดว่า…

บันทึกความทรงจำ: ผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรกในชีวิตของผมเอง

​เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.20 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองสะกาย ประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 326 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร ผลกระทบในประเทศไทย กรุงเทพมหานคร: อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในย่านจตุจักร ซึ่งมีความสูง 33…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.